การปรับเปลี่ยนระบบการปลูกกาแฟ ภายใต้ระบบร่มเงาไม้

แชร์ - ส่งบทความให้เพื่อน

การปรับเปลี่ยนระบบการปลูกกาแฟ ภายใต้ระบบร่มเงาไม้

1) ระบบกลางแจ้ง ปลูกกาแฟเชิงเดี่ยว ไม่มีต้นไม้บังร่มเงาที่ช่วยลดความเข้มแสงและอุณหภูมิ จึงทำให้ต้นกาแฟให้ผลผลิตไม่ยาวนาน และต้นกาแฟเสื่อมโทรมเร็ว ประกอบกับต้องใช้ปัจจัยการผลิตจำพวกปุ๋ยหรือสารเคมีเกษตรอื่นๆ ค่อนข้างสูง

ข้อดี : โดยรวมกาแฟจะติดผลต่อต้นจำนวนมาก ทำให้ได้ผลผลิตสูง

ข้อเสีย : ต้นกาแฟโทรมเร็ว ต้นทุนสูงจากการใช้ปัจจัยการผลิตเพิ่ม เช่น ปุ๋ยเพิ่มขึ้น มีโอกาสเสี่ยงต่อผลผลิตเสียหายจากแสงแดด ลูกเห็บ และน้ำค้างแข็งมากกว่าระบบร่มเงา

2) ระบบร่มเงาปลูกร่วมกับไม้ผล โดยเริ่มปลูกร่มเงาระยะสั้น การปลูกพืชสลับกับการปลูกกาแฟ เช่น การปลูกไม้ผล กล้วย หรือพืชยืนต้นตระกูลถั่ว ไม้บังร่มจะช่วยลดความเข้มแสง อุณหภูมิใต้ทรงพุ่มและอุณหภูมิดินทำให้กาแฟให้ผลผลิตสม่ำเสมอ คุณภาพสูง โดยให้มีร่มเงาได้ไม่เกิน 70%

ข้อดี : ต้นกาแฟไม่โทรม ให้ผลผลิตสม่ำเสมอ ให้ผลผลิตที่ยาวนานกว่า ลดการเกิดโรคระบาด ลดปัญหาการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่า และมีรายได้เสริมจากไม้ผล

ข้อเสีย : ให้ผลผลิตน้อยลง (ถ้าไม่มีการจัดการร่มเงาไม้ผลที่ดี)

3) ระบบเกษตรป่าไม้ (Agroforestry) เป็นการปลูกภายใต้ร่มเงาของไม้ป่าเดิม โดยมีการจัดการระบบร่มเงา โดยให้มีร่มเงาได้ไม่เกิน 70%

ข้อดี : ต้นกาแฟไม่โทรม ลดการเกิดโรคระบาด ลดความเสียหายจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเช่น พายุลูกเห็บ และน้ำค้างแข็ง

ข้อเสีย : ให้ผลผลิตน้อยกว่าระบบกลางแจ้ง (ถ้าไม่มีการจัดการร่มเงาที่ดี) และต้องมีการจัดการสวนที่ดี

การปรับระบบการปลูกกาแฟภายใต้ระบบร่มเงา
จากสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในปัจจุบัน ที่ส่งผลกระทบต่อการเกษตรบนพื้นที่สูง การปลูกกาแฟอะราบิกาจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องปลูกภายใต้ระบบร่มเงา ซึ่งจะช่วยให้กาแฟอะราบิกามีการเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตสม่ำเสมอ ลดความเสียงจากการระบาดของโรคและแมลง ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงลดความเสียงจากภัยธรรมชาติต่างๆ ได้ และยังทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากไม้ให้ร่มเงาที่ปลูกร่วมกับกาแฟ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของสิทธิเดช และคณะ (2564) รายงานการศึกษาระบบการปลูกและผลิตกาแฟที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่สูง ในระบบการปลูกกาแฟร่วมกับไม้ผล เช่น พลัม บ๊วย พลับ มีผลกำไรตอบแทนการปลูกกาแฟต่อไร่เฉลี่ย 14,700 บาท โดยไม้ร่มเงาแบ่งได้ 2 แบบ คือระยะสั้น และระยะยาว ดังนี้

1. ไม้บังร่มชั่วคราว เป็นไม้โตเร็ว และเป็นพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วมะแฮะ กล้วย เป็นต้น ควรใช้ในระยะปลูก 4×6 หรือ 6×6 เมตร และปลูกหลายชนิด สลับกัน

2. ไม้บังร่มถาวร ควรเป็นไม้พุ่มใหญ่ ทรงพุ่มกว้างและให้ร่มเงาในระดับสูง เช่น ซิลเวอร์โอ๊ค บ๊วย ท้อ มะคาเดเมียนัท และอะโวกาโด เป็นต้น ระยะปลูก 8×10 เมตร และควรปลูกหลายชนิดสลับกันกับไม้บังร่มชั่วคราว

การปลูกกาแฟในระบบร่มเงาสามารถทำได้ไม่ยาก เพียงเข้าขั้นตอนกระบวนการทำ สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ระหว่างรอผลผลิตกาแฟ และยังสร้างรายได้ควบคู่ไปกับกาแฟด้วย

ที่มา : สวพส.
เขียน / เรียบเรียงเรื่องโดย : สิทธิเดช ร้อยกรอง และสุมานี กันธวี


แชร์ - ส่งบทความให้เพื่อน
อ่าน :  ล่ำได้อีก จีนสร้างหุ่นยนต์กรีดยางพาราอัตโนมัติ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง