เรียบอ่าน! 5 พฤติกรรม การใช้รถยนต์แบบผิดๆ ที่อาจทำให้รถพังโดยที่ไม่รู้ตัว

แชร์ - ส่งบทความให้เพื่อน


เรียบอ่าน! 5 พฤติกรรม การใช้รถยนต์แบบผิดๆ ที่อาจทำให้รถพังโดยที่ไม่รู้ตัว

รถยนต์ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิตของผู้คนในแต่ละวันมาก ยิ่งใครที่ทำงานไกลบ้าน รถยนต์ถือว่าสำคัญมากๆ ด้วยความที่รถยนต์นั้น อำนวยความสะดวกสบายกว่ารถสาธารณะ

และวันนี้เราจะมาแนะนำพฤติกรรมมการใช้รถยนต์แบบผิดๆที่คุณต้องปรับตัว หลายท่านอาจจะทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่แบบไม่รู้ตัวก็ได้

ต้องบอกก่อนว่าบางพฤติกรรมอาจจะส่งผลเสียต่อสภาพรถคุณ และจะทำให้คุณเสี่ยงอันตรายได้ในอนาคต

พฤติกรรมที่ 1 สตาร์ทรถไม่ปิดแอร์
การสตาร์ทรถแล้วเปิดแอร์ไว้ เป็นเหมือนการเร่งให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์

จะทำงานทันทีเหมือนเครื่องยนต์สตาร์ทติด ทำให้รอบหมุนของรถวิ่งเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลให้รถทำงานหนักขึ้นด้วย

พฤติกรรมที่ 2 ขับขี่ผ่านหลังเต่าโดยไม่ชะลอ
หลังเต่า หรือ ลูกระนาดที่มีอยู่บนถนน มักพบเห็นตามในหมู่บ้าน เป็นการบังคับให้รถไม่แล่นเร็วเกินไป เรียกอีกอย่างว่า Speed Hump การขับรถโดยไม่ชะลอความเร็ว หรือรถบางคันอาจจะไม่เบรกด้วยซ้ำ จะเป็นเหมือนการเร่งให้เครื่องยนต์ ต้องรับกับแรงกระแทกมากกว่าที่ควรจะเป็น เช่น โช๊คอัพ, สปริง, ลูกหมาก

ดังนั้น เพื่อชะลอ การเสื่อมสภาพของช่วงล่างรถ ควรชะลอความเร็วเมื่อต้องขับผ่านหลังเต่าดีกว่า

พฤติกรรมที่ 3 คิกดาวน์บ่อยทำลายทั้งชุดเกียร์และเครื่องยนต์
การคิกดาวน์เหมือนกับการเร่งเครื่องแซงเป็นการเร่งเครื่องและกดคันเร่ง ซึ่งมักจะพบได้บ่อยกับพวกที่ชอบเร่งเครื่องแซงแบบปุ๊บปั๊บ เนื่องจากการคิกดาวน์ จะเป็นการสลับเฟืองเกียร์ด้วยแรงบิดที่สูงกว่าปกติ ส่งผลให้เกียร์กระชากและทำให้ชุดเกียร์เสียหายได้ในที่สุด


พฤติกรรมที่ 4 เร่งเครื่องหรือเบิ้ลเครื่อง ในขณะที่เครื่องยนต์เย็นอยู่
รถที่จอดทิ้งไว้แล้วสตาร์ทติด ควรอุ่นเครื่องยนต์รถก่อน เพราะการเร่งเครื่องในขณะที่เครื่องเย็นอยู่เป็นเหมือนการเร่งรอบรถให้พุ่งสูงขึ้น อีกทั้งน้ำมันเครื่องก็กำลังจะเข้าไปหล่อลื่นในส่วนต่างๆ ซึ่งหากเร่งเครื่องตอนเครื่องเย็นบ่อยเกินไป จะเป็นเหมือนการเร่งให้รถสึกหรอเร็วมากขึ้นด้วย

พฤติกรรมที่ 5 จอดรถเป็นทางลาดชัดบ่อยครั้ง
การจอดรถเป็นทางลาดชัดบ่อยครั้งจะเป็นเหมือนการทำให้รถนั้นต้องแบกรับน้ำหนักของรถมากขึ้น คือส่วนที่รับน้ำหนักมากอย่างชุดสลักล็อคเกียร์ เพราะทุกครั้งที่เราต้องจอดรถบนทางลาดชัน จำเป็นต้องเข้าเกียร์และดึงเบรกมือ เมื่อเกิดการขัดเกียร์บ่อยๆ อาจทำให้ชุดเกียร์พังได้เร็วขึ้นด้วย

กรณีคันเร่งค้างห้ามดับเครื่องทันที
อีกกรณีที่ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษอย่างกรณีรถคันเร่งค้าง ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงชนิดทำให้เสียชีวิตได้

โดยสาเหตุที่มักจะพบได้บ่อย คือ มักจะมีพรมหรือย่างรองพื้นรถที่หนาไป รองเท้าเข้าไปติดอยู่ใต้คันเร่ง (ในกรณีสำหรับผู้ที่ชอบถอดรองเท้าขับรถ) รวมถึงคันเร่งหนืด ระบบคันเร่งไฟฟ้าในส่วนของอิเล็กทรอนิกส์ทำงานผิ ดปกติ วิธีสังเกตให้ทดลองเหยียบคันเร่งแล้วแป้นคันเร่งจมไปกับพื้นรถหรือค้าง หากไม่สามารถเหยียบให้จมลงไป หรือคันเร่งลื่นเบาผิดปกติ นั่นหมายถึงคันเร่งค้าง

วิธีแก้ไขเบื้องต้นที่ถูกต้อง
ก่อนอื่นให้ตั้งสติ และอย่าเพิ่งดับเครื่องในทันที เพราะจะทำให้รถไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ หากอยู่กลางถนนจะยิ่งอันตรายขึ้นวิธีที่ถูกต้อง

1. ให้ใช้เบรคชะลอความเร็ว

2. หากเป็นเกียร์ออโต้ให้เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เป็นเกียร์ N

3. จากนั้นจึงดับเครื่องยนต์ แล้วค่อยๆแตะเบรกเป็นระยะๆ หากเป็นรถเกียร์ธรรมดาให้ใช้เบรกช่วยเท่านั้น โดยไม่ต้องเหยียบคลัทช์ โดยเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้รอบรถสูงขึ้น


การขับขี่รถยนต์บนท้องถนน สิ่งที่ควรคำนึงถึงที่สุดก็คือ การเคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัดนะครับ เมื่อเรารู้จักระมัดระวัง หากเราเกิดภาวะฉุกเฉิน การมีสติก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่คุณ อีกทั้งต้องหมั่นนำรถยนต์ไปเช็คสภาพบ่อยๆเมื่อเดินทางไกล เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองนะครับ


แชร์ - ส่งบทความให้เพื่อน
อ่าน :  เกษตรต้องรู้ รถยนต์ดีเซล อายุใช้งานเกิน 20 ปี ต้องเพิ่มการตรวจสภาพ ปีละ 2 ครั้ง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง